วันจันทร์

๔.๔ อรูปาวจรกุศลกรรม

อรูปาวจรกุศลกรรม ผู้เจริญรูปาวจรกุศลจนถึงปัญจมฌานแล้ว ปรารถนาจะเจริญฌานให้ยิ่งขึ้นไป ก็ต้องเจริญในอรูปฌานต่อไป ตั้งแต่อากาสานัญจายตนฌาน จนถึงเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน

อรูปาวจรกุศลมี ๔ ระดับ แต่ละระดับ มีองค์ฌาน ๒ คือ อุเบกขาและ เอกัคคตา เหมือนกันทั้ง ๔ ระดับ ในแต่ละระดับมีอารมณ์ต่างกัน
ฌานที่ ๑ เรียกว่า อากาสานัญจายตนกุศล มี กสิณุคฆาฏิมากาสบัญญัติเป็นอารมณ์
ฌานที่ ๒ เรียกว่า วิญญานัญจายตนกุศล มีอากาสานัญจายตนกุศลเป็นอารมณ์
ฌานที่ ๓ เรียกว่า อากิญจัญญายตนกุศล มี นัตถิภาวบัญญัติเป็นอารมณ์
ฌานที่ ๔ เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนกุศล มีอากิญจัญญายตนกุศลเป็นอารมณ์

ผลของอรูปาวจรกุศลกรรม
ผู้ที่เจริญอรูปฌานจนสำเร็จในแต่ละขั้นแล้วถ้าฌานยังไม่เสื่อม เมื่อ ตายจากภพนี้ กำลังแห่งอรูปฌานกุศลนั้นจะส่งผลเป็นวิปากนำเกิดในอรูปพรหม เป็นพรหมที่มีแต่นาม ไม่มีรูป

อากาสานัญจายตนกุศล จะนำเกิดในอรูปพรหมชั้นที่ ๑ คือ อากาสานัญจายตนภูมิ มีอายุ๒๐,๐๐๐ มหากัปป์
วิญญานัญจายตนกุศล จะนำเกิดในอรูปพรหมชั้นที่ ๒ คือ วิญญานัญ จายตนภูมิ มีอายุ ๔๐,๐๐๐ มหากัปป์
อากิญจัญญายตนกุศล จะนำเกิดในอรูปพรหมชั้นที่ ๓ คือ อากิญจัญญายตนภูมิ มีอายุ ๖๐,๐๐๐ มหากัปป์
เนวสัญญานาสัญญายตนกุศล จะนำเกิดในอรูปพรหมชั้นที่ ๔ คือ เนว สัญญานาสัญญายตนภูมิ มีอายุ ๘๔,๐๐๐ มหากัปป์



เรื่องกรรมเป็นเรื่องที่แสดงความเป็นจริง เป็นเหตุ เป็นผล โดยนัยแห่ง พระอภิธรรม คือ ชี้ให้เห็นถึงสภาวธรรมแห่งเหตุ และได้แสดงโดยนัยแห่ง พระสูตร คือ ยกตัวอย่างประกอบไว้แล้ว กรรมที่แสดงไว้แล้วทั้งหมดนี้เป็นกรรมชนิดที่ส่งผลนำเกิด คือ เมื่อกรรมสำเร็จแล้วย่อมส่งผลนำวิบากให้เกิดขึ้น เป็นการแสดงความเป็นจริงแห่งวัฏฏะ คือ วงเวียนแห่งชีวิตว่ามีการเกิด มีการดำรงอยู่ และก็มีการตาย แล้วก็มีเกิดใหม่ ดำรงอยู่ใหม่ แล้วก็ตายไป แล้วก็มีการเกิดใหม่ ดำรงอยู่ใหม่ แล้วก็ตายไป เป็นอย่างนี้ตลอดไปไม่มีที่สิ้นสุด เป็นวัฏฏะทุกข์ คือ ทุกข์เพราะยังต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เพราะกรรมที่บุคคลทำไว้แล้วนั้นเป็น กรรมชนิดที่เป็นไปเพื่อวัฏฏะ การจะหลุดพ้นจากวัฏฏะ หรือ วงเวียนแห่งชีวิตนี้ ต้องทำกุศลขั้นวิวัฏฏะ คือ มีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะพ้นไปจากวัฏฏะทุกข์นี้

เพราะรู้และเข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิต แล้วทำกุศลทุกอย่างก็เพื่อ มุ่งให้เป็นปัจจัยให้พ้นไปจากวัฏฏะ เจริญกุศลขั้นปัญญาเพื่อขจัดกิเลสให้เบาบาง เพื่อประหาณกิเลสทั้งหลาย เมื่อกุศลขั้นวิวัฏฏะยังผลให้โลกุตตรกุศลเกิดขึ้นเมื่อไร เมื่อนั้นก็จะพ้นไปจากวัฏฏะทุกข์เข้าสู่ความเกษมคือพระนิพพานได้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น