บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ ปริจเฉทที่ ๑ สีลนิเทศ

อานิสงส์ของศีลสมบัติ

รูปภาพ
อานิสงส์ของศีลสมบัติ ส่วนการมองเห็นอานิสงส์ของศีลสมบัติ โดยประการตรงกันข้ามจากประการที่กล่าวมาแล้ว นักศึกษาพึงทราบดังต่อไปนี้ :- อีกประการหนึ่งศีลของภิกษุใดปราศจากมลทินดีแล้ว การทรงบาตรและจีวรของภิกษุนั้นย่อมเป็นสิ่งที่น่าเลื่อมใส บรรพชาของท่านก็เป็นสิ่งที่มีผล ดวงหทัยของภิกษุผู้มีศีลบริสุทธิ์แล้ว ย่อมไม่หยั่งลงสู่ภัย มีการติเตียนตนเองเป็นต้น เป็นเหมือนพระอาทิตย์ไม่หยั่งลงสู่ความมืดมน ภิกษุงามอยู่ในป่าเป็นที่บำเพ็ญตบะด้วยศีลสมบัติเหมือนพระจันทร์งามในท้องฟ้าด้วยสมบัติคือรัศมี แม้เพียงกลิ่นกายของภิกษุผู้มีศีลก็ยังทำความปราโมชให้แม้แก่ฝูงทวยเทพ ไม่จำต้องกล่าวถึงกลิ่นคือศีล กลิ่น คือ ศีลย่อมครอบงำสมบัติแห่งคันธชาติ คือของหอมทั้งหลายอย่างสิ้นเชิงย่อมฟุ้งตลบไปทั่วทุกทิศไม่มีการติดขัด สักการะทั้งหลายที่บุคคลกระทำแล้วในภิกษุผู้มีศีล แม้จะเป็นของเล็กน้อย ก็ย่อมมีผลมาก ภิกษุผู้มีศีลย่อม เป็นภาชนะรองรับเครื่องบูชาสักการะอาสวะทั้งหลายในปัจจุบัน ก็เบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลไม่ได้ ภิกษุผู้มีศีลย่อมขุดเสียซึ่งรากแห่งทุกข์ อันจะพึงมีในชาติเบื้องหน้าทั้งหลาย สมบัติอันใดในโลกมนุษย์ และสมบัติอันใดในโลกเทวดา...

โทษแห่งศีลวิบัติ

รูปภาพ
โทษแห่งศีลวิบัติ ในเหตุ ๒ ประการนั้น ( มองเห็นโทษแห่งศีลวิบัติ ๑  ด้วยการมองเห็นอานิสงส์ของศีลสมบัติ ๑) นักศึกษาพึงทราบโทษแห่งศีลวิบัติโดยสุตตันตนัย มีอาทิอย่างนี้ว่า ภิกษุทั้งหลาย โทษแห่งศีลวิบัติของภิกษุผู้ทุศีลมี ๕ อย่างเหล่านี้  อีกประการหนึ่ง บุคคลผู้ทุศีล เพราะเหตุแห่งความเป็นผู้ทุศีล ย่อมไม่เป็น ที่ชอบใจของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้อันเพื่อนพรหมจารีทั้งหลายไม่พึ่งพร่ำสอน  เป็นผู้มีทุกข์ในเพราะการครหาความเป็นผู้ทุศีล เป็นผู้มีความร้อนใจในเพราะการสรรเสริญ ของผู้มีศีลทั้งหลาย แหละ เพราะความเป็นผู้ทุศีลนั้นเป็นเหตุ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณ หม่นหมองเหมือนผ้าเปลือกไม้ ชื่อว่าเป็นผู้มีสัมผัสหยาบ เพราะน้ำอบายทุกข์มาให้ แก่คนทั้งหลายผู้ถึงซึ่งการเอาเยี่ยงอย่างของเขาตลอดกาลนานชื่อว่าเป็นผู้มีคุณค่าน้อย เพราะทำไม่ให้มีผลมากแก่ผู้ที่ตนรับไทยธรรมของเขา เป็นผู้ล้างให้สะอาดได้ยาก   เหมือนหลุมคูถที่หมักหมมไว้นานปี เป็นผู้เสื่อมจากประโยชน์ทั้ง ๒ เหมือนดุ้นพื้น เผาศพ  ถึงแม้จะปฏิญญาณตนว่าเป็นภิกษุก็ไม่เป็นภิกษุอยู่นั่นแหละ เหมือนฬาที่ ติดตามฝูงโค เป็นผู้หวาดสะดุ้งเรื่อย ๆ...

ความผ่องแผ้วของศีล

รูปภาพ
ความผ่องแผ้วของศีล ก็แหละ ภาวะที่ศีลไม่ขาดเป็นต้น ท่านสงเคราะห์ด้วย ความ ไม่แตก(ขาด)แห่ง สิกขา บททั้งหลายโดยสิ้นเชิง ๑ ด้วยการ กระทำคืนสิกขาบทที่ทำคืนได้ซึ่งแตก(ขาด) แล้ว ๑ ด้วยความ ไม่มี 🔎 เมถุนสังโยค ๗ ประการ ๑ ด้วยข้อปฏิบัติอื่น ๆ คือ ความ ไม่เกิดขึ้นแห่งบาปธรรม ทั้งหลายมีอาทิ เช่น ความโกรธ ความผูกโกรธ ความลบหลู่  ความริษยา ความตระหนี่ ความมารยา ความโอ้อวด ความหัวดื้อ ความแข่งดี ความ ถือตัว ความดูหมิ่น ความมัวเมา ความเลินล่อ ๑ ด้วย ความบังเกิดขึ้นแห่งคุณ ทั้งหลาย มีอาทิเช่น ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ๑  จริงอยู่ ศีลเหล่าใดแม้ไม่ขาดเพื่อต้องการลาภเป็นต้นก็ดี แม้ศีลที่ขาดไปด้วย โทษคือความประมาทแต่กระทำคืนแล้วก็ดี ศีลที่อันเมถุนสังโยคหรือบาปธรรมทั้งหลาย มีความโกรธและความผูกโกรธเป็นต้นไม่ได้เข้าไปทำลายแล้วก็ดี ศีลเหล่านั้นเรียกว่า  ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย โดยประการทั้งปวง และศีลเหล่านั้นแหละ ชื่อว่า  ภูชิสสะ เพราะสร้างความเป็นไท ชื่อว่า วิญญุปสัตถะ เพราะผู้รู้ทั้งหลายสรรเสริญ ชื่อว่า อปรามัฏฐะ เพราะอันตัณหาและทิฏฐิทั้งหลายไม่ถูกต้องแล้ว ชื่อว่า ส...

ความเศร้าหมองและความผ่องแผ้วของศีล

รูปภาพ
  ความเศร้าหมองและความผ่องแผ้วของศีล ปัญหากรรมใดที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วว่า “อะไรเป็นความเศร้าหมองเป็น ความผ่องแผ้วของศีลนั้น” ข้าพเจ้าจะวิสัชนาในปัญหากรรมนั้นต่อไป ดังนี้ ภาวะที่  ศีลขาด  เป็นต้น เป็นความเศร้าหมองของศีล ภาวะที่  ศีลไม่ขาด  เป็นต้น เป็นความ ผ่องแผ้วของศีล ความเศร้าหมองของศีล  ก็แหละ ภาวะที่ศีลขาดเป็นต้นนั้นท่านสงเคราะห์ด้วยความแตกต่างซึ่งมีลาภและ ยศเป็นต้นเป็นเหตุอย่างหนึ่ง ด้วยเมถุนสังโยค ๗ ประการอย่างหนึ่ง  จริงอย่างนั้น ในบรรดาอาบัติ ๗ กอง สิกขาบทของภิกษุใด  ขาดเบื้องต้น หรือที่สุด ศีลของภิกษุนั้นชื่อว่าเป็น ศีลขาด เหมือนผ้าที่ขาดชาย ส่วนสิกขาบท ของภิกษุใด ขาดตรงกลาง ศีลของภิกษุนั้นชื่อว่าเป็น ศีลทะลุ เหมือนผ้าที่ทะลุ กลางผืน สิกขาบทของภิกษุใด ขาดสอง, สามสิกขาบทไปตามลำดับ ศีลของภิกษุ นั้นชื่อเป็น ศีลด่าง เหมือนแม่โคมีสีตัวเป็นสีด่างดำหรือด่างแดงเป็นต้นอย่างใด อย่างหนึ่งด้วยสีที่ไม่เหมือนกันซึ่งปรากฏขึ้นที่หลังหรือที่ท้อง สิกขาบทของภิกษุใด ขาดเป็นตอน ๆ ไป ศีลของภิกษุนั้นชื่อว่าเป็น ศีลพร้อย เหมือนแม่โคลายเป็นจุด ด้วยสีที่...

อธิบายศีล ๕ อย่าง หมวดที่ ๒

รูปภาพ
อธิบายศีล ๕ อย่าง หมวดที่ ๒ นักศึกษาพึงทราบอรรถาธิบายในศีล ๕ อย่าง หมวดที่ ๒ ด้วยสามารถ แห่งการประหานบาปธรรมทั้งหลายมีปาณาติบาตเป็นต้น ดังต่อไปนี้ สมดังที่ท่าน พระธรรมเสนาบดีสารีปุตตะกล่าวไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคว่า :-  ศีล ๕ คือ ๑. ปหาน การประหานซึ่งปาณาติบาต ชื่อว่าศีล ๒. เวรมณี   ความงดเว้น ชื่อว่าศีล ๓. เจตนา ความจงใจ ชื่อว่าศีล ๔. สํวร ความระวัง  ชื่อว่าศีล ๕. อวีติกฺกม ความไม่ล่วงละเมิด ชื่อว่าศีล การประหาน ความงดเว้น ความจงใจ ความระวัง ความไม่ล่วงละเมิดซึ่ง  อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ  อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่าศีล การประหานกามฉันทะ ด้วยเนกขัมมะ, ประหานพยาบาท ด้วยอัพยาบาท,  ประหานถีนมิทธะ ด้วยอาโลกสัญญา, ประหานอุทธัจจะ ด้วยอวิกเขปะ, ประหาน วิจิกิจฉา ด้วยธัมมววัตถาน, ประหานอวิชชา ด้วยญาณ, ประหานอรติ ด้วยปราโมช,  ประหานนิวรณ์ทั้งหลาย ด้วยปฐมฌาน, ประหานวิตกวิจาร ด้วยทุติยฌาน, ประหาน ปีติ ด้วยตติยฌาน, ประหานสุขและทุกข์ ด้วยจตุตถฌาน, ประหานรูปสัญญา  ปฏิมสัญญา อนัตตสัญญา ด้วยอากาสานัญจายตนสมาบัติ, ...

อธิบายศีล ๕ อย่าง หมวดที่ ๑

รูปภาพ
อธิบายศีล ๕ อย่าง หมวดที่ ๑ ปัญจกะที่ ๑ ของส่วนที่จัดเป็นศีล ๕ อย่าง นักศึกษาพึงทราบอรรถาธิบาย โดยแยกเป็นอนุปสัมปันนศีลเป็นต้น ดังต่อไปนี้  ก็แหละ พระธรรมเสนาบดีสารีปุตตะกล่าวไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค ดังนี้ :- 🔅 ปริยันตปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร ? ศีลของ อนุปสัมบัน (ผู้ที่ไม่ได้เป็นภิกษุ หมายถึง สามเณร และคฤหัสถ์)  ทั้งหลายผู้มีสิกขาบทเป็นที่สุด นี้จัดเป็น ปริยันตปาริสุทธิศีล 🔅 อปริยันตปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร ? ศีลของ อุปสัมบัน (ผู้อุปสมบทแล้ว, ภิกษุ)  ทั้งหลายผู้มีสิกขาไม่มีที่สุด นี้จัดเป็น อปริยันตปาริสุทธิศีล 🔅 ปริปุณณปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร ? ศีลของ กัลยาณปุถุชน ทั้งหลาย ผู้ประกอบในกุศลธรรม ผู้กระทำให้บริบูรณ์ใน ธรรมอันจรดแดนแห่งพระเสกขะ ผู้ไม่อาลัยในร่างกายและชีวิต ผู้มีชีวิตอันสละแล้ว นี้จัดเป็น ปริปุณณปาริสุทธิศีล 🔅 อปรามัฏฐปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร ? ศีลของ พระเสกขบุคคล (พระอริยะที่ยังไม่บรรลุพระอรหัตผล)  ๗ จำพวก นี้จัดเป็น อปรามัฏฐปาริสุทธิศีล 🔅 ปฏิปัสสัทธิปาริสุทธิศีล เป็นอย่างไร ? ศีลของ พระขีณาสพ ทั้งหลายผู้เป็นสาวกของพระตถาคตเจ้า ศีลของพร...

การบริโภค ๔ อย่าง

รูปภาพ
การบริโภค ๔ อย่าง ในการพิจารณาในเวลาบริโภคนั้น มีวินิจฉัยที่ทำความตกลงไว้ดังนี้ :-  ก็แหละ การบริโภคมี ๔ อย่าง คือ เถยุยปริโภค บริโภคเป็นขโมย  ๑   อิณปริโภค บริโภคเป็นหนี้ ๑  ทายชุชปริโภค บริโภคเป็นทายาท ๑   สามิปริโภค  บริโภคเป็นนาย ๑ ใน ๔ อย่างนั้น การบริโภคของภิกษุผู้ทุศีลแม้นั่งบริโภคอยู่ใน ท่ามกลางสงฆ์ ชื่อว่า ⛯  เถยุยปริโภค  การบริโภคไม่ได้พิจารณาของภิกษุผู้มีศีล ชื่อว่า  ⛯  อิณปริโภค เพราะเหตุนั้น จีวรพึงพิจารณาในทุก ๆ ขณะที่บริโภค บิณฑบาตพึง พิจารณาในทุก ๆ คำข้าว เมื่อภิกษุไม่สามารถปฏิบัติเหมือนอย่างนั้น ในเวลาก่อน อาหาร, หลังอาหาร, ในปริมยาม, มัชฌิมยามและปัจฉิมยาม ถ้าไม่ได้พิจารณาเลย ปล่อยให้อรุณขึ้น ภิกษุนั้นชื่อว่า ย่อมตั้งอยู่ในฐานะเป็นอิณบริโภค แม้เสนาสนะ ก็พึงพิจารณาในทุก ๆ ขณะที่บริโภค สำหรับเภสัชเมื่อมีสติเป็นปัจจัยทั้งในขณะรับ  ทั้งในขณะบริโภคจึงจะควร แม้เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อภิกษุทำสติในขณะรับแล้วขณะบริโภค ไม่ได้ทำอีก เป็นอาบัติ ไม่ทำในขณะรับแต่ทำในขณะบริโภค ไม่เป็นอาบัติ สุทธิ ๔ อย่าง  ก็แหละ สุทธิมี ๔...

ธรรมเป็นเหตุให้ปาริสุทธิศีล ๕ สำเร็จ

รูปภาพ
ธรรมเป็นเหตุให้ปาริสุทธิศีล ๕ สำเร็จ 🔅  ๑. ศรัทธา เป็นเหตุให้ปาติโมกขสังวรศีลสำเร็จ   ในศีล ๕ อย่างดังที่พรรณนามาแล้วนี้ ปาติโมกขสังวรศีล อันโยคี บุคคลพึงให้สำเร็จด้วยศรัทธา จริงอยู่ ปาติโมกขสังวรศีลนั้น ชื่อว่า มีศรัทธาเป็น เหตุให้สำเร็จ เพราะการบัญญัติสิกขาบทเป็นสิ่งที่เกินวิสัยของพระสาวก ก็ในข้อนี้  มีการทรงห้ามการขอบัญญัติสิกขาบทเป็นตัวอย่าง เพราะเหตุนั้น อันโยคีบุคคลพึง สมาทานเอาสิกขาบทตามที่ทรงบัญญัติไว้แล้วอย่างไม่ให้มีเศษเหลือ ไม่กระทำความ อาลัยแม้ในชีวิต พึงทำปาติโมกขสังวรศีลนี้ให้สำเร็จเป็นอย่างดีด้วยศรัทธาเถิด  สมด้วยพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า :-  พวกเธอจงเป็นผู้มีศีลเป็นที่รัก มีความเคารพศีล ตาม รักษาศีล ในกาลทุกเมื่อ เหมือนนกต้อยตีวิดรักษาฟองไข่  เหมือนจามรีรักษาขนหาง เหมือนมารดารักษาบุตรที่รัก  เหมือนคนตาเอกรักษาหน่วยตาข้างเดียว ฉะนั้นเถิด  แม้ตรัสไว้อย่างอื่นอีกว่า “มหาสมุทรมีความดำรงอยู่เป็นธรรมดา ไม่ไหลล้น ฝั่งไป แม้ฉันใด ปหาราทะ สาวกทั้งหลายของเราก็เหมือนอย่างนั้น ไม่ล่วงข้าม สิกขาบท ที่เราบัญญัติไว้แล้วสำหรับสาวกทั้งหลาย แม้เพรา...