วันจันทร์

ญาณทัสสนะ วน ๓ รอบ มี ๑๒ อาการ พระญาณก่อนการตรัสรู้

"ภิกษุทั้งหลาย ญาณทัสสนะ(ความรู้เห็น) ตามความเป็นจริงของเราในอริยสัจ ๔ ประการนี้ มีวน ๓ รอบ มี ๑๒ อาการอย่างนี้ยังไม่หมดจดดีตราบใด เราก็ยังไม่ยืนยันว่า เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ตราบนั้น"



ญาณทัสสนะ วน ๓ รอบ มี ๑๒ อาการ คืออะไร?

"ญาณทัสสนะ มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒" คือความหยั่งรู้ที่บังเกิดขี้นแก่พระองค์นั้นเป็นญาณที่บังเกิดขึ้นในธรรมที่มิได้เคยสดับแล้วมาก่อน ก็คืออริยสัจทั้ง ๔ ประกอบด้วย
๑. ทุกข์ คือ ความจริงที่ว่าด้วยความทุกข์
๒. ทุกขสมุทัย ความจริงที่ว่าด้วยเหตุให้เกิดทุกข์
๓. ทุกขนิโรธ ความจริงที่ว่าด้วยความดับทุกข์
๔. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ หรือมรรคทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ได้

เรียกกันว่าอริยสัจ ก็เรียกตามพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสไว้ในปฐมเทศนา คือเทศนาทีแรกของพระองค์ที่ตรัสว่าพระตถาคตคือพระองค์ได้เว้นทางสุดโต่ง ๒ ทาง คือ ทางกามสุขัลลิกานุโยค ความประกอบพัวพ้นอยู่ด้วยความสุขสดชื่นในกาม และทางอัตตกิลมถานุโยค ทางทรมานตนให้ลำบาก ได้ทรงปฏิบัติอยู่ในทางอันเรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา ข้อปฏิบัติอันเป็นหนทางกลาง ไม่เกี่ยวข้องด้วยทางสุดโต่งทั้ง ๒ นั้น ก็คือมรรคมีองค์ ๘ มี สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ เป็นต้น มีสัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ เป็นที่สุด จึงได้ทรงเกิดญาณคือความหยั่งรู้ขึ้นในอริยสัจทั้ง ๔ คือ ทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธ และมรรค หรือทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา

🙏 สัจจญาณ
สัจจญาณคือหยั่งรู้ว่าจริง คือนี้เป็นทุกข์จริง นี้เป็นทุกขสมุทัยคือเหตุให้เกิดทุกข์จริง นี้เป็นทุกขนิโรธคือความดับทุกข์จริง นี้เป็นมรรคคือทางดับทุกข์จริง

ข้อที่ว่านี้เป็นทุกข์จริงก็คือว่า
ความเกิด เป็นทุกข์จริง
ความแก่ เป็นทุกข์จริง
ความตาย เป็นทุกข์จริง
ความโศกคือความแห้งใจ เป็นทุกข์จริง
ความปริเทวะคือความรัญจวนคร่ำครวญใจ เป็นทุกข์จริง
ทุกขะคือความไม่สบายกาย เป็นทุกข์จริง
โทมนัสสะคือความไม่สบายใจ เป็นทุกข์จริง
อุปายาสะความคับแค้นใจ เป็นทุกข์จริง
ความประจวบกับสิ่งคือสัตว์และสังขารไม่เป็นที่รักเป็นทุกข์จริง
ความพลัดพรากจากสัตว์และสังขารที่เป็นที่รักเป็นทุกข์จริง
ความปรารถนามิได้สมหวังเป็นทุกข์จริง

กล่าวโดยย่อ ขันธ์เป็นที่ยึดถือทั้ง ๕ ประการ คือ
รูปขันธ์ กองรูป เป็นทุกข์จริง
เวทนาขันธ์ กองเวทนา เป็นทุกข์จริง
สัญญาขันธ์ กองสัญญา เป็นทุกข์จริง
สังขารขันธฺ กองสังขาร เป็นทุกข์จริง
วิญญาณขันธ์ กองวิญญาณ เป็นทุกข์จริง

ทุกขสมุทัยเหตุเกิดทุกข์นั้นก็คือตัณหาความดิ้นรนทะยานอยาก อันประกอบด้วย
นันทิคือความเพลิน
ราคะคือความติดในยินดี เพลิดเพลินยินดียิ่งในอารมณ์นั้นๆจำแนกออกเป็น

กามตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากไปในกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าใคร่ปรารถนาพอใจ
ภวตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากไปในภพคือความเป็นนั่นเป็นนี่
วิภวตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากไปในความไม่เป็นนั่นไม่เป็นนี่
นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์จริง

ดับตัณหาเสียได้ทุกข์ดับไปหมด นี้เป็นความดับทุกข์จริง
มรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบดังกล่าวเป็นต้นนั้น มรรคคือทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์จริง

พระญาณคือความหยั่งรู้ว่า นี้เป็นทุกข์จริง นี้เป็นเหตุเกิดทุกข์จริง นี้เป็นความดับทุกข์จริง นี้เป็นทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์จริง นี้เป็นสัจจญาณ นี่ก็วนไปในสัจจะทั้ง ๔ รอบหนึ่ง

🙏 กิจจญาณ
กิจจญาณ คือความหยั่งรู้ในกิจคือข้อที่พึงกระทำได้เกิดพระญาณคือความหยั่งรู้ขึ้นว่า
ทุกข์เป็นข้อที่พึงกำหนดรู้อันเรียกว่าปริญญา
สมุทัยเป็นข้อที่ควรละอันเรียกว่าปหานะ
ความดับทุกข์เป็นข้อที่พึงกระทำให้แจ้งอันเรียกว่าสัจฉิกรณะ
มรรคคือข้อที่ควรอบรมปฏิบัติให้มีขึ้นให้เป็นขึ้นอันเรียกว่าภาวนา
นี้เป็นกิจที่พึงกระทำในสัจจะทั้ง ๔ เรียกว่ากิจจญาณ

🙏  กตญาณ
กตญาณ คือความหยั่งรู้กิจทั้ง ๔ นั้นว่าได้กระทำแล้ว คือว่า
ทุกข์นั้นพระองค์ก็ได้ทรงกำหนดรู้แล้ว
สมุทัยคือตัณหาพระองค์ก็ทรงละได้แล้ว
นิโรธคือความดับทุกข์พระองค์ก็ทรงกระทำให้แจ้งแล้ว
มรรคพระองค์ก็ได้ทรงปฏิบัติทำให้มีให้เป็นขึ้นครบถ้วนแล้ว
เรียกว่ากตญาณ ญาณคือความหยั่งรู้ว่ากิจได้กระทำเสร็จแล้ว

เพราะฉะนั้น พระญาณทั้ง ๓ คือ สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ ในอริยสัจทั้ง ๔ รวมเข้าก็เป็นอาการ ๑๒ จึงเรียกว่ามีวนรอบ ๓ อาการ ๑๒ พระญาณนี้หมดจดในอริยสัจทั้ง ๔ สมบูรณ์  จึงได้ทรงปฏิญญาพระองค์ว่าได้ตรัสรู้อภิสัมโพธิคือความตรัสรู้ยิ่งเป็นยอดเยี่ยมแล้ว พระองค์สิ้นชาติแล้ว พรหมจรรย์พระองค์ได้อยู่จบแล้ว ไม่มีกิจอื่นที่จะพึงกระทำเพื่อที่จะเป็นอย่างนี้อีก

พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น