บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ ปริจเฉทที่ ๓ กัมมัฏฐานคหณนิเทศ

วิธีสอนกัมมัฏฐาน

รูปภาพ
วิธีสอนกัมมัฏฐาน เมื่อโยคีบุคคลนั้นซึ่งมีอัชฌาสัยและอธิมุติสมบูรณ์ได้ที่แล้วดังพรรณนามาแล้ว ขอเอากัมมัฏฐานอันอาจารย์ผู้ใด้สำเร็จเจโตปริยญาณ พึงตรวจสอบวาระจิตให้ทราบจริยาเสียก่อน สำหรับอาจารย์ที่ไม่ได้สำเร็จเจโตปริยญาณนอกนี้ พึงทราบจริยาโดยสอบถามโยคีบุคคลโดยนัยมีอาทิว่า เธอเป็นคนจริตอะไร หรือ ? ธรรมอะไรบ้างรบกวนเธอมาก ? เมื่อเธอพิจารณาถึงกัมมัฏฐานข้อไหน จึงมีความผาสุกสบาย ? จิตของเธอน้อมไปในกัมมัฏฐานข้อไหน ? ครั้นทราบจริยา อย่างนี้แล้วจึงสอนกัมมัฏฐานอันเหมาะสมแก่จริยาต่อไป พึงสอนกัมมัฏฐานด้วย ๓ วิธี ก็แหละ อันอาจารย์นั้น เมื่อจะสอนกัมมัฏฐานจึงสอนด้วยวิธี ๓ ประการ คือ สำหรับโยคีบุคคลผู้เรียนกัมมัฏฐานอยู่แล้วตามปกติ จึงให้สาธยายให้ฟังต่อหน้าสัก ๑ หรือ ๒ ที่นั่ง (๑-๒ จบ) แล้วจึงมอบให้ อย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่อยู่ประจำในสำนักจึงสอนให้ทุก ๆ ครั้งที่เธอมาหา อย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่เรียนเอาแล้วประสงค์จะไปปฏิบัติ ณ ที่อื่น จึงสอนอย่าให้ย่อเกินไป อย่าให้พิสดารเกินไป อย่างหนึ่ง พึงสอนให้ทราบอาการ ๙ อย่าง ในกัมมัฏฐานเหล่านั้น เมื่ออาจารย์จะสอนปฐวีกสิณกัมมัฏฐานเป็นประการแรกพึงสอนให้ทราบอา...

โยคีผู้มีอัชฌาสัยสมบูรณ์

รูปภาพ
โยคีผู้มีอัชฌาสัยสมบูรณ์ ก็แหละ ในหัวข้อสังเขปที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วว่า เป็นผู้มีอัชฌาสัยอันสมบูรณ์และมีอธิมุติอันสมบูรณ์ ฉะนี้นั้น มีอรรถาธิบายดังต่อไปนี้ อันโยคืบุคคลนั้น พึงเป็นผู้มีอัชฌาสัยอันสมบูรณ์ โดยอาการ ๖ อย่าง ด้วยอำนาจแห่งธรรมมีอโลภะเป็นต้น อรรถาธิบายของฎีกาจารย์ ในอธิการนี้ ท่านฎีกาจารย์ได้อรรถาธิบายไว้อย่างพิสดารดังนี้: ธรรมทั้งหลายมีอโลภะเป็นต้น มีอุปการะมากแก่สัตว์ทั้งหลายและแก่โยคีบุคคล โดยพิเศษ ทั้งนี้เพราะเป็นเหตุกำจัดเสียซึ่งโทษอย่างอนันต์ และเป็นเหตุนำมาซึ่งคุณอย่างมหันต์ เป็นความจริงอย่างนั้น ธรรมทั้งหลายมีอโลภะเป็นต้น ย่อมเป็นไปโดยความเป็นปฏิปักษ์แก่มลทินทั้งหลายมีมลทินคือความตระหนี่เป็นต้น สมจริงตามที่ท่านอรรถกถาจารย์แสดงไว้ในอรรถกถาแห่งอภิธรรม ดังต่อไปนี้ อโลภะ  เป็นปฏิปักษ์แก่มลทินคือ  ความตระหนี่   แต่เป็นเหตุแห่ง  ทาน อโทสะ  เป็นปฏิปักษ์แก่มลทินคือ ความทุศีล  แต่เป็นเหตุแห่ง ศีล อโมหะ  เป็นปฏิปักษ์แก่ การไม่ภาวนาในกุศลธรรมทั้งหลาย  แต่เป็นเหตุแห่ง ภาวนา แหละใน ๓ เหตุนั้น บุคคลย่อมถืออย่างไม่ตึงเครียดด้วยอโลภะ เพราะ...

วิธีเรียนเอากัมมัฏฐาน

รูปภาพ
วิธีเรียนเอากัมมัฏฐาน ก็แหละ คำว่า เรียน นั้น มีอรรถาธิบายดังต่อไปนี้ :- อันโยคีบุคคลนั้นจึงเข้าไปหากัลยาณมิตรผู้มีลักษณะอาการตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาในหัวข้อว่า พึงเข้าไปหากัลยาณมิตรผู้ให้พระกัมมัฏฐาน ฉะนี้แล้ว พึงถวายตัวแต่ พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าหรือแก่พระอาจารย์ แล้วจึงทำตนให้เป็นผู้มีอัชฌาสัยอันสมบูรณ์ และมีอธิมุติอันสมบูรณ์ แล้วจึงขอเอาพระกัมมัฏฐานเถิด 🔅 คำถวายตัวแด่พระพุทธเจ้า ในการถวายตัวนั้น โยคีบุคคลพึงกล่าวคำถวายตัวแด่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าว่าดังนี้ อิมาหํ ภควา อตฺตาภาวํ ตุมฺหากํ ปริจฺจชามิ  ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายอัตภาพร่างกายอันนี้ แด่พระพุทธองค์ โทษที่ไม่ถวายตัวแด่พระพุทธเจ้า จริงอยู่ โยคีบุคคลครั้นไม่ได้ถวายตนอย่างนี้แล้ว เมื่อหลีกไปอยู่ที่เสนาสนะอันเงียบสงัด ครั้นอารมณ์อันน่ากลัวมาปรากฏให้เห็นในคลองแห่งจักษุ ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งตั้งตนอยู่ได้ จะเลี่ยงหนีไปยังแดนหมู่บ้าน เกิดเป็นผู้คลุกคลีกับพวกคฤหัสถ์ทำการแสวงหาลาภสักการะอันไม่สมควร ก็จะพึงถึงซึ่งความฉิบหายเสีย อานิสงส์ถวายตัวแด่พระพุทธเจ้า ส่วนโยคีบุคคลผู้ได้ถวายตัวแล้ว ถึงแม้จะมีอารมณ์อันน่ากลั...

วินิจฉัยกัมมัฏฐาน ๔๐ โดยอาการ ๑๐ อย่าง

รูปภาพ
 วินิจฉัยกัมมัฏฐาน ๔๐ โดยอาการ ๑๐ อย่าง เพราะเหตุฉะนั้น ในหัวข้อสังเขปที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า เรียนเอาพระกัมมัฏฐานอย่างใดอย่างหนึ่งในบรรดาพระกัมมัฏฐาน ๔๐ ประการ ฉะนี้นั้น ประการแรกนักศึกษาพึงทราบการวินิจฉัยกัมมัฏฐานโดยอาการ ๑๐ อย่าง ดังนี้ คือ ๑. โดยแสดงจำนวนกัมมัฏฐาน ๒. โดยการนำมาซึ่งอุปจารฌานและอัปปนาฌาน ๓. โดยความต่างกันแห่งฌาน ๔. โดยผ่านองค์ฌานและอารมณ์ ๕. โดยควรขยายและไม่ควรขยาย ๖. โดยอารมณ์ของฌาน ๗. โดยภูมิเป็นที่บังเกิด ๘. โดยการถือเอา ๙. โดยความเป็นปัจจัยเกื้อหนุน ๑๐. โดยเหมาะสมแก่จริยา ๑. โดยแสดงจำนวนกัมมัฏฐาน ในอาการ ๑๐ อย่างนั้น ประการแรก ข้อว่า โดยแสดงจำนวนกัมมัฏฐาน มีอรรถาธิบายดังนี้ :- ก็ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้วว่า ในบรรดาพระกัมมัฏฐาน ๔๐ ประการ ฉะนี้ พระกัมมัฏฐาน ๔๐ ประการ ณ ที่นั้น ท่านสงเคราะห์เข้าไว้เป็น ๗ หมวดดังนี้ คือ ๑. กสิณกัมมัฏฐาน ๑๐ อย่าง          ๑. ๑ ปฐวีกสิณ กสิณสำเร็จด้วยดิน           ๑.๒ อาโปกสิณ กสิณสำเร็จด้วยน้ำ           ๑.๓ เตโชกสิณ กสิณสำเร็จด้วยไฟ    ...

จริยา ๖ อย่าง

รูปภาพ
  จริยา ๖ อย่าง บัดนี้ จะอรรถาธิบายความในหัวข้อสังเขปที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า อันเหมาะสมแก่จริยาของตน ฉะนี้ต่อไป คำว่า จริยา  ได้แก่จริยา ๖ อย่าง คือ           ๑. ราคจริยา* ความประพฤติเป็นไปด้วยอำนาจราคะ           ๒. โทสจริยา  ความประพฤติเป็นไปด้วยอำนาจโทสะ           ๓. โมหจริยา  ความประพฤติเป็นไปด้วยอำนาจโมหะ           ๔. สัทธาจริยา ความประพฤติเป็นไปด้วยอำนาจศรัทธา           ๕. พุทธิจริยา ความประพฤติเป็นไปด้วยอำนาจปัญญา           ๖. วิตกกจริยา ความประพฤติเป็นไปด้วยอำนาจวิตก (* คำว่า ราคจริยา มีอรรถวิเคราะห์ว่า คือความท่องเที่ยวไป ได้แก่ความเกิดขึ้นแห่งราคะในสันดานจนหนาแน่นเป็นอุปนิสัย เรียกว่า ราคจริยา จริยาอื่น ๆ ก็โดยทำนองเดียวกันนี้) แต่เกจิอาจารย์ประสงค์เอาจริยาถึง ๑๔ อย่าง โดยบวกจริยา ๘ เข้าด้วย ดังนี้คือ จริยาอื่นอีก ๔ ด้วยอำนาจการคละกันและต่อกันของราคจริยาเป็นต้น ราคโทสจริยา ๑ ราค...

กัลยาณมิตรตัวอย่าง

รูปภาพ
กัลยาณมิตรตัวอย่าง ก็แหละ กัลยาณมิตรผู้สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติทุก ๆ ประการนั้น คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีพระบาลีรับรองว่า  "อานนท์ สัตว์ทั้งหลายผู้มีความเกิดเป็นธรรมดา ย่อมพ้นจากชาติความเกิดได้ ด้วยอาศัยกัลยาณมิตรคือเราตถาคตนั่นเทียว เพราะเหตุดังนั้น เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่นั้น การเรียนเอาพระกัมมัฏฐานในสำนักของพระผู้มีพระภาคนั้นนั่นแลเป็นประเสริฐที่สุด" แต่เมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานไปแล้ว ในบรรดาพระมหาสาวก ๘๐ องค์ องค์ใดยังมีชนมายุอยู่ การเรียนเอาพระกัมมัฏฐานในสำนักของพระมหาสาวกองค์นั้น ย่อมเป็นการสมควร เมื่อพระมหาสาวกนั้นไม่มีอยู่แล้ว ก็พึงเรียนเอาในสำนักของพระอรหันตขีณาสพองค์ที่ได้ฌานจตุกกนัยหรือฌานปัญจกนัย ด้วยพระกัมมัฏฐานบทที่ตนประสงค์จะเรียนเอานั้น แล้วเจริญวิปัสสนาซึ่งมีฌานเป็นปทัฏฐาน จนได้บรรลุถึงซึ่งความสิ้นสุดแห่งอาสวกิเลสนั่นเถิด ถาม - ก็แหละ พระอรหันต์ขีณาสพนั้น ท่านประกาศตนให้ทราบหรือว่าท่านเป็นพระขีณาสพ ? ตอบ - จะต้องตอบทำไม เพราะพระอรหันต์ขีณาสพนั้น ท่านรู้ถึงภาวะที่ผู้จะทำความเพียรแล้วย่อมแสดงตนให้ทราบด้วยความอาจหาญและรื่นเริง โดยชี้ให้เ...