บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ ปาจิตตีย์

ราชวรรคที่ ๙

ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท  จัดเป็น ๙ วรรค          (มุสาวรรค ๑๐)          ( ภูตคามวรรค ๑๐)          ( ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐)          ( โภชนวรรค ๑๐)          ( อเจลกวรรค ๑๐)          ( สุราปานวรรค ๑๐)          ( สัปปาณวรรค ๑๐)          ( สหธัมมิกวรรค ๑๒)          ( ราชวรรค ๑๐ ) ราชวรรคที่ ๙ มี ๑๐ สิกขาบท ดังนี้ ๑. อันเตปุรสิกขาบท ความว่า ภิกษุอันไปยังราชตระกูลพระมหากษัตริย์อันทรงราชาภิเษกแล้ว เดินตรงย่างก้าวล่วงธรณีพระทวารเข้าไปในตำหนักที่พระบรรทม เวลาเสด็จอยู่กับนางกษัตริย์รัตนมเหสี พระราชเทวียังมิได้ออกที่เฝ้า ณ ภายใน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. รัตนสิกขาบท ความว่า ภิกษุได้เห็นของ ๆ คฤหัสถ์เจ้าของลืมไว้ หรือตกอยู่ที่ นอกอารามเขตวัด หรือนอกอาวาสเขตที่พักที่แรม จะเป็นเพชร พลอย ทอง เงิน รูปพรรณต่าง ๆ ที่นับว่ารัตนก็ดี สิ่งที่เป็นที่ยินดีควรเก็บงำสงวนไว้ ตั้งแต่มีดพร้าเป็นต...

สหธัมมิกวรรคที่ ๘

ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท  จัดเป็น ๙ วรรค          (มุสาวรรค ๑๐)          ( ภูตคามวรรค ๑๐)          ( ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐)          ( โภชนวรรค ๑๐)          ( อเจลกวรรค ๑๐)          ( สุราปานวรรค ๑๐)          ( สัปปาณวรรค ๑๐)          ( สหธัมมิกวรรค ๑๒ )          ( ราชวรรค ๑๐) สหธัมมิกวรรคที่ ๘ มี ๑๒ สิกขาบท ดังนี้ ๑. สหธัมมิกสิกขาบท ความว่า ภิกษุเป็นคนสอนยาก เมื่อภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวสั่งสอนด้วยพระวินัยสิกขา ตนคิดจะไม่ปฏิบัติก็โต้เถียงต้านทานว่า “ข้าพเจ้ายังไม่ได้ไต่ถามภิกษุอื่น ที่ทรงพระวินัยเป็นผู้รู้เห็นตราบใด ก็จะยังไม่ศึกษาเล่าเรียนในข้อสิกขาบทตราบนั้น” ภิกษุผู้กล่าวโต้เถียงต่อภิกษุทั้งหลายด้วยไม่ปรารถนาสิกขาบท ภิกษุต้องอาบัติปาจิตตีย์ ภิกษุอันรักใคร่ต่อสิกขาบทเมื่อจะศึกษาพระวินัยวัตรพึงให้รู้แจ้งชัด ที่ไม่สันทัดพึงไต่ถาม รู้ความแล้วพึงปรึกษาสอบสวนให้รู้แจ้ง อ...

สัปปาณวรรคที่ ๗

ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท  จัดเป็น ๙ วรรค          (มุสาวรรค ๑๐)          ( ภูตคามวรรค ๑๐)          ( ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐)          ( โภชนวรรค ๑๐)          ( อเจลกวรรค ๑๐)          ( สุราปานวรรค ๑๐)          ( สัปปาณวรรค ๑๐ )          ( สหธัมมิกวรรค ๑๒)          ( ราชวรรค ๑๐) สัปปาณวรรคที่ ๗ มี ๑๐ สิกขาบท ดังนี้ ๑. สัญจิจจปาณสิกขาบท ความว่า ภิกษุแกล้งฆ่าสัตว์ดิรัจฉานให้ตายลงด้วยตามเจตนา ไม่เลือกว่าสัตว์เล็กใหญ่ ต้องอาบัติปาจิตตีย์โดยโทษนี้ล่วงพระพุทธบัญญัติ แต่จะมีโทษน้อยมากนั้นเป็นตามโทษที่โลกจะพึงเว้นโดยธรรมดา ๒. สัปปาณสิกขาบท ความว่า ภิกษุได้รู้เห็นหรือรังเกียจว่าน้ำมีตัวสัตว์เป็น ก็มิได้กรองให้บริสุทธิ์ก่อน ฝ่าฝืนบริโภคบ้วนปากล้างหน้า เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๓. อุกโกฏนสิกขาบท ความว่า ภิกษุรู้ว่าสังฆกรรมมีอธิกรณ์ อันพระสงฆ์ได้ชำระเสร็จแล้วโดยเป็นธรรมและมาเล...

สุราปานวรรคที่ ๖

  ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท  จัดเป็น ๙ วรรค          (มุสาวรรค ๑๐)          ( ภูตคามวรรค ๑๐)          ( ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐)          ( โภชนวรรค ๑๐)          ( อเจลกวรรค ๑๐)          ( สุราปานวรรค ๑๐ )          ( สัปปาณวรรค ๑๐)          ( สหธัมมิกวรรค ๑๒)          ( ราชวรรค ๑๐) สุราปานวรรคที่ ๖ มี ๑๐ สิกขาบท ดังนี้ ๑. สุราปานสิกขาบท ความว่า ภิกษุรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ดื่มสุราคือน้ำเหล้าที่กลั่นด้วยข้าวสุกและแป้งเป็นต้น และดื่มกินเมรัย คือน้ำเมาที่ดองด้วยน้ำรสดอกไม้ลูกไม้เป็นต้น ให้ล่วงลำคอลงไป ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. อังคุลิปโตทุกสิกขาบท ความว่า ภิกษุคิดจะเย้าหยอกหัวเราะเล่นงี้แหย่ กระทบกระทั่งเย้าหยอกภิกษุที่รักแร้และสะเอวเป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ถ้าจี้สามเณรหรือคฤหัสถ์ เป็นอาบัติทุกกฏ ๓. อุทกหัสสธัมมสิกขาบท ความว่า ภิกษุเล่นน้ำดำผุดดำว่าย เผ่น โลด โดด เล่นเป...

อเจลกวรรคที่ ๕

ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท  จัดเป็น ๙ วรรค          (มุสาวรรค ๑๐)          ( ภูตคามวรรค ๑๐)          ( ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐)          ( โภชนวรรค ๑๐)          ( อเจลกวรรค ๑๐ )          ( สุราปานวรรค ๑๐)          ( สัปปาณวรรค ๑๐)          ( สหธัมมิกวรรค ๑๒)          ( ราชวรรค ๑๐) อเจลกวรรคที่ ๕ มี ๑๐ สิกขาบท ดังนี้ ๑. อเจลกสิกขาบท ความว่า ภิกษุหยิบยกของบริโภคอื่นส่งให้แก่ชีเปลือยหรือปริพาชกชายหญิง อันบวชมิได้มีลัทธิเฉพาะพระพุทธศาสนาด้วยมือตนเอง แม้ถึงบิดามารดาของตนอันบวชในลัทธิเช่นนั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. อุยโยชนสิกขาบท ความว่า ภิกษุได้ชักชวนภิกษุด้วยกันเป็นเพื่อนพากันเที่ยวบิณฑบาตในบ้านหรือนิคมใด ๆ ได้ให้ทายกให้บิณฑบาตหรือไม่ได้ให้แก่ภิกษุนั้นก็มิได้ว่า แต่ภิกษุผู้ชักโยงนั้นปรารถนาจะใครลอบล่วงสิกขาบท กลัวจะเป็นสิ่งกีดขวาง จึงขับส่งเสียว่า “ท่านจงไปให้พ้นเราเถิด เรา...

โภชนวรรคที่ ๔

ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท  จัดเป็น ๙ วรรค          (มุสาวรรค ๑๐)          ( ภูตคามวรรค ๑๐)          ( ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐)          ( โภชนวรรค ๑๐ )          ( อเจลกวรรค ๑๐)          ( สุราปานวรรค ๑๐)          ( สัปปาณวรรค ๑๐)          ( สหธัมมิกวรรค ๑๒)          ( ราชวรรค ๑๐) โภชนวรรคที่ ๔ มี ๑๐ สิกขาบท ดังนี้ ๑. โภชนสิกขาบท ความว่า โภชนะของกินทายก ตั้งไว้ในโรงทาน อุทิศทั่วไปแก่บรรพชิตและคฤหัสถ์ มิได้เลือกหน้า ภิกษุไม่เป็นไข้ยังจะเดินทางไปถึงกึ่งโยชน์ ได้ พึงฉันได้แต่เพียงวันเดียว ถ้าไปฉันเรียงวันเป็นสองวัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๒. คณโภชนสิกขาบท ความว่า ทายกไปนิมนต์ ภิกษุในอาวาสเดียวกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ออกชื่อโภชนะ ว่า นิมนต์ไปกินข้าว กินเนื้อ กินปลา หรือนิมนต์ด้วย ภาษาต่าง ๆ ซึ่งเป็นโวหารคฤหัสถ์ ภิกษุไปรับโภชนะนั้น มาฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เว้นไว้แต่สมัย ๗ ประการ...