แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คัมภีร์พุทธวงศ์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คัมภีร์พุทธวงศ์ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดี

ธรรมบรรยาย คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๒๑-๒๕

🙏 พระพุทธวงศ์ เป็นพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงพระประวัติของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ได้ตรัสรู้ในกัปปอื่น และ กัปปนี้อีก ๔ พระองค์(รวมองค์ปัจจุบัน) เนื้อหาในคัมภีร์เปี่ยมด้วยพลังแห่งศรัทธา และความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระพุทธคุณ

ในชุดนี้ ตอนที่ ๒๑–๒๕ นี้ เป็นการสืบต่อพระพุทธประวัติของ พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๘ ถึงองค์ที่ ๑๒ ได้แก่
📖 ตอนที่ ๒๑ – วงศ์พระปทุมพุทธเจ้า
📖 ตอนที่ ๒๒ – วงศ์พระนารทพุทธเจ้า
📖 ตอนที่ ๒๓ – วงศ์พระปทุมุตรพุทธเจ้า
📖 ตอนที่ ๒๔ – วงศ์พระสุเมธพุทธเจ้า
📖 ตอนที่ ๒๕ – วงศ์พระสุชาตพุทธเจ้า

 แต่ละพระองค์ล้วนทรงประกอบบารมีอันยิ่งใหญ่ ทรงแสดงธรรมแก่หมู่สัตว์นับอนันต์ และทรงแสดงคุณธรรมที่ประเสริฐสุด ขอธรรมะอันลึกซึ้งจากพระพุทธวงศ์จงสัมผัสจิตใจของท่านผู้ฟังทุกท่าน ให้เกิดความศรัทธา ความเพียร และปัญญาในการเดินทางสู่ความพ้นทุกข์

🪷 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์ สมบัติ นันทิโก

   🔉 ตอนที่ ๒๑ – พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๘ วงศ์พระปทุมพุทธเจ้า

🔉 ตอนที่ ๒๒ – พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๙ วงศ์พระนารทพุทธเจ้า

🔉 ตอนที่ ๒๓ – พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๐ วงศ์พระปทุมุตรพุทธเจ้า

🔉 ตอนที่ ๒๔ – พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๑ วงศ์พระสุเมธพุทธเจ้า

🔉 ตอนที่ ๒๕ – พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๒ วงศ์พระสุชาตพุทธเจ้า

วันอังคาร

ธรรมบรรยาย คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๑๗-๒๐

🎧 ธรรมบรรยายตามพระไตรปิฎก

🌿 โดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

ตอนที่ ๑๗ 🪷 พระพุทธเจ้ากับการเจริญมงคล (มงคล ๓๘ ประการ)

ตอนที่ ๑๘ 🪷 วงศ์พระโสภิตพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๖

ตอนที่ ๑๙ 🪷 วงศ์พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๗

ตอนที่ ๒๐ 🪷 พุทธะพยากรณ์ให้ท่านพระสารีบุตร

🌿เกริ่นนำ

วงศ์พระโสภิตพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๖

ประวัติพระโสภิตพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า "โสภิตะ" ทรงอุบัติขึ้นในสมัยถัดจากพระเรวตพุทธเจ้า ทรงเป็น "นายกของโลก" ผู้มีพระทัยมั่นคง สงบระงับ ไม่มีใครเสมอเหมือน

เมื่อครั้งยังทรงครองราชสมบัติ ทรงเบื่อหน่ายในราชสมบัติและพระราชวัง จึงทรงสละราชสมบัติ ผนวชและตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จากนั้นจึงทรงประกาศ พระธรรมจักร ให้แผ่กว้างครอบคลุมตั้งแต่แดนมนุษย์เบื้องล่างไปจนถึงพรหมโลกเบื้องบน แม้แต่สัตว์ในอเวจีมหานรกก็ได้ร่วมในธรรมสภานั้นด้วย

📜ธรรมาภิสมัยและการแสดงธรรม
ครั้งที่ ๑ : ทรงแสดงธรรมจักรแก่บริษัทที่กว้างใหญ่ไพศาล นับจำนวนผู้ตรัสรู้ธรรมไม่ได้
ครั้งที่ ๒ : ทรงแสดงธรรมในสมาคมมนุษย์และเทวดา มีผู้บรรลุธรรมถึง เก้าหมื่นโกฏิ 
ครั้งที่ ๓ : ภายหลังเมื่อพระราชาชยเสนะสร้างพระอารามถวาย พระพุทธองค์ตรัสธรรมประกาศการบูชาอีกครั้ง มีผู้บรรลุธรรมเพิ่มขึ้นอีก พันโกฏิ  

สมัยนั้น เราเป็นพราหมณ์นามว่าสุชาติ (พระมหาโพธิสัตว์ อดีตชาติพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) เราได้ถวายข้าวและน้ำให้พระพุทธเจ้าเสวยพร้อมทั้งพระสาวกจนเพียงพอ แม้พระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตผู้เป็นนายกของโลกพระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราว่า "ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า ....... ข้ามแม่น้ำใหญ่" เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว มีใจยินดีปราโมทย์แล้วได้กระทำความเพียรอย่างยอดเยี่ยมฯ

☸️══════════☸️


วงศ์พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า 
พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๗

สมัยต่อมาจากพระพุทธเจ้าพระนามว่า โสภิต มีพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี ทรงพระยศนับไม่ได้ มีพระเดชยากที่จะล่วงได้ พระองค์ทรงตัดเครื่องผูกทุกอย่าง ทรงทำลายภพ ๓ แล้ว ทรงแสดงทางที่ไปไม่กลับ ในหมู่เทวดาและมนุษย์ พระองค์ทรงพระคุณนับไม่ได้ดังมหาสมุทรยากที่จะให้จมลงเหมือนภูเขา ไม่มีที่สุดดุจอากาศพระคุณบานเต็มที่เช่นพญารัง

สัตว์ทั้งหลายย่อมยินดี แม้ด้วยการเห็นพระองค์ สัตว์เหล่านั้นได้ฟังพระสุรเสียงที่ทรงเปล่ง
ย่อมบรรลุอมตธรรมในกาลนั้น

📜ธรรมาภิสมัยและการแสดงธรรม 
ธรรมาภิสมัยของพระองค์ เจริญรุ่งเรือง ในการแสดงพระธรรมเทศนา
ครั้งที่ ๑ สัตว์ ร้อยโกฏิ ได้ตรัสรู้
สมัยต่อมา เมื่อพระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตกในการแสดงธรรมเทศนา
ครั้งที่ ๒ สัตว์ แปดสิบโกฏิ ได้ตรัสรู้
และในสมัยต่อมา เมื่อพระองค์ยังฝนคือธรรมให้ตกให้สัตว์ทั้งหลายอิ่มหนำสำราญ
ธรรมาภิสมัย
ครั้งที่ ๓ ได้มีแก่สัตว์ เจ็ดสิบแปดโกฏิ ได้ตรัสรู้

พระบรมศาสดา ได้ทรงประชุมพระภิกษุ ผู้บรรลุอภิญญาและพลธรรม ผู้บานแล้วด้วยการหลุดพ้น รวม ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพ ผู้ละความมัวเมาและความหลงมีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ มาประชุม แปดแสน
ครั้งที่ ๒ พระภิกษุขีณาสพ ผู้ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากธุลี สงบระงับ คงที่ มาประชุม เจ็ดแสน
ครั้งที่ ๓ พระภิกษุขีณาสพ ผู้บรรลุอภิญญาและพลธรรม ผู้ดับสนิท มีตบะ มาประชุม หกแสน


ในสมัยนั้น เราเป็นยักษ์ (พระมหาโพธิสัตว์ อดีตชาติพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) มีฤทธิ์มาก เป็นใหญ่
ปกครองยักษ์หลายโกฏิให้อยู่ในอำนาจ แม้ในครั้งนั้น เราก็ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ
ผู้ทรงแสวงหาคุณใหญ่หลวงพระองค์นั้น แล้วได้ถวายข้าวและน้ำให้พระองค์เสวยพร้อมด้วยพระสงฆ์จนเพียงพอ แม้พระมุนี ผู้มีพระนัยนาบริสุทธิ์พระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์เราว่า "ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก" เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว ก็บังเกิดความยินดี มีใจปราโมทย์ อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งขึ้น ฯ



ตอนที่ ๑๖ วงศ์พระเรวตพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕

🎶 ฟังธรรมบรรยายตามพระไตรปิฎก 

🪷 บรรยาย โดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

🪷 พระเรวตพุทธเจ้า


พระเรวตพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ (ตามลำดับในคัมภีร์พุทธวงศ์) ผู้ทรงแสดงธรรมอันประณีตที่ไม่มีใครเคยประกาศในโลก ทรงมีพระคุณล้ำเลิศ ไม่มีใครเสมอเหมือน

👑 พระนามและพระคุณ
พระนามเ
ต็ม: พระเรวตพุทธเจ้า (เรวตมหามุนี, เรวตบรมศาสดา)
สมญา: พระพิชิตมาร, พระมหาวีรชิน, นราสภ
พระคุณ: ทรงแสดงธรรมลึกซึ้งและกว้างไกล ผู้มีพระปัญญาสูงสุด ไม่มีใครเปรียบเทียบ

🏛️ พระราชประวัติ
พระนคร: สุธัญญกะ
พระราชบิดา: พระเจ้าวิปุละ
พระราชมารดา: พระนางวิปุลาเทวี
พระมเหสี: พระนางสุทัสนา
พระโอรส: พระวรุณกุมาร
ทรงครองอคารสถาน: ๖,๐๐๐ ปี
ปราสาท: สุทัสนะ, รัตนัคฆิ, อาเวฬะ
นารีสนมนางใน: ๓ โกฏิ ๓ แสน

🕊️ เสด็จออกบรรพชาและตรัสรู้
ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ เสด็จออกบวชด้วยราชยาน ทรงบำเพ็ญเพียร ๗ เดือนเต็ม ตรัสรู้ใต้ต้นกากะทิง 🌳
สถานที่แสดงธรรมจักร: วรุณาราม

📜 การแสดงธรรมและธรรมาภิสมัย
แสดงธรรมโดยไม่มีใครเคยประกาศมาก่อน ธรรมาภิสมัย ๓ ครั้ง:
  • ครั้งที่ ๑: มากเกินจะคำนวณได้ (แก่พระเจ้าอรินทมหาราช) 
  • ครั้งที่ ๒: มนุษย์และเทวดา พันโกฏิ 
  • ครั้งที่ ๓: เทวดาและมนุษย์ ร้อยโกฏิ 
👥 การประชุมสาวก
การประชุมพระภิกษุขีณาสพ ๓ ครั้ง:
  • ๑. มากจนไม่อาจนับได้ 
  •  ๒. แสนโกฏิ (หลังแสดงธรรมจักร) 
  •  ๓. แสนโกฏิ (ขณะประชวรใกล้ปรินิพพาน) 
🧘 สมัยในอดีตของพระโคตมพุทธเจ้า
ขณะนั้นทรงเป็นพราหมณ์ชื่อ "อติเทพ" เข้าเฝ้า บูชา และถวายผ้าจีวรแด่พระเรวตพุทธเจ้า และได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต พระโพธิสัตว์จึงอธิษฐานบารมี ๑๐ ยิ่งๆขึ้น 

🔖 อ้างอิง: พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ ข้อ ๗๔๔๑ – ๗๔๙๕
ที่มา: 84000.org

วันจันทร์

คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๑๕ วงศ์พระสุมนพุทธเจ้า

🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

ตอนที่ ๑๕ (ความยาว ๑.๓๙ ชม.)


พระพุทธเจ้าลำดับที่ ๔ ต่อมาจากวงศ์ของพระมงคลพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ ผู้ไม่มีใครเสมอเหมือนโดยธรรมทั้งปวง

พระประวัติ
พระสุมนะพุทธเจ้า ประสูติเป็นพระสุมนะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งเมขละนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสุทัตตะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสิริมา สุมนะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๙,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง ชื่อ สิริวัฒนะ โสมวัฒนะ และอิทธิวัฒนะ มีพระมเหสีพระนามว่า พระนางวฏังสิกาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๖๐,๐๐๐ นาง วันหนึ่ง พระสุมนะทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา เมื่อพระนางวฏังสิกาเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า อนูปมะกุมาร จึงได้เสด็จออกบรรพชาด้วยคชยาน โดยมีผู้ออกบรรพชาตาม จำนวน ๓๐ โกฏิ

สุมนะราชกุมารทรงบำเพ็ญความเพียรอยู่ ณ อโนมนิคม เป็นเวลา ๑๐ เดือน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสจากนางอนุปมา ธิดาของอโนมเศรษฐี และรับหญ้า ๘ กำจากอนุปมาชีวก ปูลาดใต้ต้นนาคะ (ต้นกากะทิง) เป็นโพธิบัลลังก์ กำจัดเหล่ามารให้พ้นไป และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในคืนนั้น พระสุมนะพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระภิกษุผู้บรรพชาตามจำนวน ๓๐ โกฏิ พร้อมสรณกุมารพระอนุชาต่างมารดา และภาวิตัตตมาณพบุตรปุโรหิต ที่ราช
อุทยาน ในเมขละนคร ทำให้พระภิกษุ ๓๐ โกฏินั้น พร้อมพระอนุชาและบุตรปุโรหิต สำเร็จเป็นพระอริยบุคล พระสุมนะพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง ๙๐ ศอก พระพุทธรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายส่องแสงสว่างไสวไปทั่วหมื่นโลกธาตุ เมื่อพระชนมายุได้ ๙๐,๐๐๐ ปี จึงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานที่พระวิหารอังคาราม พระศาสนาดำรงอยู่ ๙๐,๐๐๐ ปีแล้วอันตรธานไป

ธรรมาภิสมัยในพุทธกาล ของพระสุมนะพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๒ แสดงธรรมย่ำยีพวกเดียรถีย์ ณ สุนันทวดีนคร ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๓ แสดงนิโรธปัญหาแก่พระเจ้าอรินทมะ ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๙๐,๐๐๐ โกฏิ

ทรงประชุมสาวกสันนิบาต ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ครั้งที่ ๒ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๙๐,๐๐๐ โกฏิ
ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๘๐,๐๐๐ โกฏิ



ความเกี่ยวข้องกับพระพุทธโคดม
สมัยของพระสุมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็น พญานาคราช มีนามว่า พญาอดุลยวาสุกรี ปกครองนาคพิภพ เมื่อได้รู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วในโลก ก็มีใจปีติยินดีอย่างยิ่ง จึงออกจากนาคพิภพ พร้อมทั้งเหล่าบริวาร เฝ้าพระพุทธองค์พร้อมทั้งพระอริยสงฆ์ สั่งให้บริวารนาคพิภพ ทำการประโคมดนตรีที่ไพเราะเลิศ และได้อุทิศถวายผ้าภูษาทิพย์มีสีงามประเสริฐแด่พระพุทธองค์และเหล่าพระอริยสงฆ์ ทรงถึงพระไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่ง

ครังนั้นพระสุมนะพุทธเจ้า ตรัสพุทธพยากรณ์ว่า
"พญาอดุลยนาคราชนี้ นานไปในอนาคตกำหนดได้ ๒ อสงไขยกับอีกเศษแสนกัป จะได้ตรัสรุเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ทรงนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม ในภัทรกัปหนึ่ง" หลังจากนั้นพระนิยตโพธิสัตว์ ก็เพียรสร้างบารมีเรื่อยๆ มา จนสิ้นอายุขัย


วันเสาร์

คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๑๔ วงศ์พระมงคลพุทธเจ้า

📿 ฟังธรรมบรรยาย: พระพุทธเจ้าพระนามว่า “มังคล”

⏱️ ความยาว 1 ชั่วโมง 46 นาที • เครื่องเล่นเสียงธรรมะจาก Archive.org




🪷 พระพุทธเจ้าลำดับที่ ๓: พระมังคลพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าลำดับถัดจาก พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า ทรงมีพระนามว่า “พระมังคล” เป็นผู้ทรงกำจัดความมืดในโลกด้วยแสงธรรมอันบริสุทธิ์

👑 พระชาติ

  • ทรงเป็นกษัตริย์โดยพระชาติ แห่งนคร อุตระ
  • พระชนก: พระอุตระ
  • พระชนนี: พระนางอุตรา
  • พระมเหสี: พระนางยสวดี
  • พระราชโอรส: เจ้าชายสีวละ
  • พระสนมนารีกำนัลใน: ๓๐,๐๐๐ นาง
  • ปราสาท ๓ หลัง: ยสวา, สุจิมา, สิริมา

🐎 การเสด็จออกบวช

  • ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ
  • เสด็จออกผนวชด้วย อัสสวราชยานต้น
  • บำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม
  • ได้ตรัสรู้ พระสัมโพธิญาณ

📜 การแสดงธรรม ธรรมาภิสมัย

หลังจากได้รับอาราธนาจากพรหม ทรงประกาศ ธรรมจักร โดยมีธรรมาภิสมัย ๓ วาระ:

  • วาระที่ ๑: แก่สัตว์ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
  • วาระที่ ๒: แสดงธรรมที่ภพของ ท้าวสักกะ แก่เทพ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
  • วาระที่ ๓: แสดงธรรมแก่พระเจ้าจักรพรรดิ สุนันทะ และบริวาร ๙๐ โกฏิ

👥 การประชุมสาวก

  • ครั้งที่ ๑: พระสาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
  • ครั้งที่ ๒: พระสาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
  • ครั้งที่ ๓: พระสาวก ๙๐ โกฏิ

🧘‍♂️ บุคคลสำคัญในพระศาสนา

  • พระอัครสาวก: พระสุเทวเถระ และ พระธรรมเสนเถระ
  • พระอุปัฏฐาก: พระปาลิตะเถระ
  • พระอัครสาวิกา: พระสีวลาเถรี และ พระโสกาเถรี
  • อัครอุปัฏฐาก: นันทอุบาสก และ วิสาขอุบาสก
  • อุปัฏฐายิกา: อนุฬาอุบาสิกา และ สุมนาอุบาสิกา

🌳 ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ไม้โพธิพฤกษ์: ต้นกากะทิง
  • พระชนมายุ: ๙๐,๐๐๐ ปี
  • พระวรกาย: สูง ๘๐ ศอก
  • พระรัศมี: แผ่ซ่านออกไป หลายแสนโลกธาตุ

🙏 เสด็จปรินิพพาน

  • สถานที่: พระราชอุทยานชื่อ เวสสระ
  • พระสถูป: สูง ๓๐ โยชน์ ประดิษฐานในอุทยาน

✨ พุทธพยากรณ์แด่พระโคตมพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าโคตมในอดีตกาล เคยเป็นพราหมณ์นามว่า สุรุจิ รู้จบไตรเพท ทรงมนต์ ท่านได้เข้าเฝ้าพระมังคลพุทธเจ้า บูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และน้ำนมโค พระพุทธเจ้าทรงประทานพยากรณ์ว่า:

“ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก”

พราหมณ์สุรุจิเมื่อได้ฟังพุทธพยากรณ์แล้ว ยังจิตให้เลื่อมใส อธิษฐานบารมี ๑๐ ประการ ถวายเรือน บวชในสำนักพระพุทธเจ้า เล่าเรียนพระสูตร พระวินัย เจริญพรหมวิหาร ถึงที่สุดในอภิญญา และไปเกิดในพรหมโลก



คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๑๓ วงศ์พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า

🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก


วงศ์พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า

พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า ประสูติเป็นโกณฑัญญะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งรัมมวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสุนันทะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุชาดา โกณฑัญญะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง ชื่อ รุจิปราสาท สุรุจิปราสาท และสุภะปราสาท มีพระมเหสีพระนามว่า รุจิเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๐๐,๐๐๐ นาง วันหนึ่ง โกณฑัญญะราชกุมารทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา เมื่อพระนางรุจิเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า วิชิตเสนะกุมาร จึงได้เสด็จออกบรรพชาด้วยราชรถเทียมม้า มีผู้ออกบรรพชาตามจำนวน ๑๐ โกฏิ


โกณฑัญญะราชกุมารบำเพ็ญความเพียรอยู่ ณ บ้านสุนันทคาม เป็นเวลา ๑๐ เดือน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสจากนางยโสธราธิดาเศรษฐี และรับหญ้า ๘ กำจากสุนันทะอาชีวก ปูลาดใต้ต้นสาละกัลยาณี (ต้นขานาง) เป็นโพธิบัลลังก์ ทรงชนะพระยามารและพลยักษ์นับอสงไขย และได้ตรัสรู้เป็นพระวิริยาธิกะสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนนั้น พระโกณฑัญญะพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระภิกษุผู้บรรพชาตามจำนวน ๑๐ โกฏิ ที่เทววัน กรุงอรุนธวดี ทำให้พระภิกษุ ๑๐ โกฏินั้นสำเร็จเป็นพระอริยบุคล


ตอนที่ ๑๓ (ความยาว ๒.๒๙ ชม.)






วันอาทิตย์

คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๑๒ ศีลบารมี - ขันติบารมี - สัจจะบารมี

 🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

มหาบุรุษผู้ประสงค์จะตกแต่งสัตว์ทั้งหลายด้วยเครื่องประดับ คือศีลของพระสัพพัญญู ควรชำระศีลของตนตั้งแต่ต้นก่อน อนึ่ง ศีลย่อมบริสุทธิ์โดยอาการ ๔ อย่าง คือโดยความบริสุทธิ์แห่งอัธยาศัย ๑ โดยการสมาทาน ๑ โดยไม่ก้าวล่วง ๑ และโดยทำให้เป็นปกติเมื่อมีการก้าวล่วง ๑ จริงอยู่ บางคนมีตนเป็นใหญ่ เพราะอัธยาศัยบริสุทธิ์ เกลียดบาปยังหิริให้ปรากฏในภายใน แล้วมีสมาจารบริสุทธิ์ด้วยดี อนึ่ง บางคนเมื่อมีการสมาทาน ถือโลกเป็นใหญ่ สะดุ้งต่อบาปยังโอตตัปปะให้ปรากฏ เป็นผู้มีสมาจารบริสุทธิ์ด้วยดี

ด้วยประการฉะนี้ คนหล่านั้นย่อมตั้งอยู่ในศีล เพราะไม่ล่วงแม้ทั้งสองอย่าง




ตอนที่ ๑๒ 
 
(ความยาว ๑.๕๘ชม.)

วันจันทร์

คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๙-๑๑ ความปรารถนาของท่านสุเมธ


🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร เสด็จมาประทับยืนที่เบื้องศีรษะของสุเมธดาบส ทรงลืมพระเนตรทั้งสองอันสมบูรณ์ด้วยประสาทมีวรรณะ ๕ ชนิด ประหนึ่งว่าเปิดอยู่ซึ่งสีหบัญชรแก้วมณี ทอดพระเนตรเห็นสุเมธดาบสนอนบนหลังเปือกตมทรงดำริว่า "ดาบสนี้ กระทำความปรารถนาอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จหรือไม่หนอ ” ทรงส่งพระอนาคตังสญาณ ใคร่ครวญอยู่ ทรงทราบว่า “ ล่วงไป ๔ อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปนับแต่นี้เขาจักได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่าโคดม ” ยังทรงประทับยืนอยู่นั่นแหละแล้วทรงพยากรณ์ด้วยพระดำรัสว่า “ พวกท่านจงดูดาบสผู้มีตบะกล้านี้ ซึ่งนอนอยู่บนหลังเปือกตม ”
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ เห็นแล้วพระเจ้าข้า ”
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกรจึงตรัสว่า “ ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า แล้วความปรารถนาของเขาจักสำเร็จ ในที่สุดแห่ง ๔ อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปนับแต่นี้เขาจักได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่า โคดม

ตอนที่ ๙ (ความยาว ๑.๔๒ ชม.)


ตอนที่ ๑๐ 
 (ความยาว ๒.๑๘ ชม.)


ตอนที่ ๑๑  (ความยาว ๑.๔๑ชม.)

-----------------------------------------------------------

👉👉 ตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------




วันอาทิตย์

คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๘ วงศ์ของพระทีปังกรพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑

 🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

ในคัมภีร์พุทธวงศ์ บทพุทธปกิรณกกัณฑ์ กล่าวถึงประวัติของพระทีปังกรพุทธเจ้าไว้ว่า เมื่อศาสนาพระสรณังกรพุทธเจ้าอันตรธานไป ในสารมัณฑกัปเดียวกัน มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเป็นองค์ที่ ๔ และเป็นองค์สุดท้ายของกัปนั้น พระนามว่า "ทีปังกร" พระทีปังกรพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ในโลกเมื่อ ๔ อสงไขยแสนกัปที่แล้ว ถือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกในพุทธวงศ์ของพระโคตมพุทธเจ้า

ในอดีตกาลมีพระพุทธเจ้าพระนามว่า 
ทีปังกร ๒ พระองค์ จึงเรียกพระองค์แรกว่าพระปุราณทีปังกร (ปุราณ แปลว่า เก่า) และเรียกพระองค์หลังว่าพระปัจฉิมทีปังกร (ปัจฉัม แปลว่า หลัง)

ตอนที่ ๘ (ความยาว ๑.๒๐ ชม.)


-----------------------------------------------------------
👉👉 ตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------

คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๗ อธิบายอรรถกถา รัตนจังกมนกัณฑ์


🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

ท่านพระสารีบุตรผู้เป็นธรรมเสนาบดี แม่ทัพธรรม ผู้เป็นเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าเหล่าพุทธสาวกทางปัญญา ได้ทูลถามพระศาสดาผู้เป็นพระธรรมราชาจอมทัพธรรมผู้ทรงถึงฝั่ง ที่หาขอบเขตมิได้ ผู้ไร้มลทินถึงพุทธวงศ์ใด ท่ามกลางหมู่พระประยูรญาติ. พุทธวงศ์ใด อันพระตถาคต วงศ์ผู้ตรัสรู้ดี วงศ์พระผู้บริสุทธิ์ดี ผู้มีสมาธิเป็นธรรมเครื่องอยู่ ผู้เป็นนายกพิเศษ ทรงเปิดโอกาสประกาศไว้แล้ว ณ ท่ามกลางหมู่พระประยูรญาตินี้

เหล่าโอรสพระสุคต ไม่ทำลำดับบาลี และอรรถแห่งบาลีให้เสื่อมเสีย ช่วยกันรวบรวมตามที่ศึกษาสดับฟังสืบต่อเรื่องกันมา จนตราบเท่าปัจจุบันนี้

ตอนที่ ๗ (ความยาว ๒.๓๒ ชม.)



-----------------------------------------------------------
👉👉 ตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------


คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๖ เสด็จถึงราชคฤห์ ทรงโปรดพระเจ้าพิมพิสาร

🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก


หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมโปรดชฎิล ๓ พี่น้องกับบริวาร ๑,๐๐๐ องค์แล้วได้เสด็จพร้อมด้วยหมู่ภิกษุผู้เป็นอดีตชฎิล ๑,๐๐๓ รูปมาถึงเมืองราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารได้ยินชื่อเสียงของพระพุทธองค์มาก่อนแล้วว่าเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ จึงพร้อมด้วยพราหมณ์คหบดีชาวมคธ ๑๒ นหุต (๑๒ หมื่น) เสด็จมาเข้าเฝ้า หลังจากที่พระพุทธองค์ได้เปลื้องความสงสัยของชาวเมืองราชคฤห์ที่คิดว่า ระหว่างพระพุทธเจ้ากับชฎิลนั้นใครเป็นอาจารย์ของใคร ด้วยการตรัสเชื้อเชิญให้พระอุรุเวลกัสสปะผู้เป็นหัวหน้าของอดีตชฎิล แสดงถึงเหตุผลที่ทำให้เลิกบูชาไฟ เมื่อชาวราชคฤห์สิ้นความสงสัยแล้ว พระพุทธองค์จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนา คือ อนุปุพพิกถาและอริยสัจ ๔ เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวารอีก ๑๑ นหุตได้บรรลุอริยผล ส่วนอีก ๑ นหุตได้แสดงตนเป็นอุบาสก

ตอนที่ ๖ (ความยาว ๕๕ นาที)



-----------------------------------------------------------

👉👉 ตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------





คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๕ ทรงโปรดชฏิล ๓ พี่น้อง แสดงอาทิตตปริยายสูตร

🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

อาทิตตปริยายสูตร เป็นธรรมที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมแก่หมู่ภิกษุชฎิล ทั้ง ๑,๐๐๓ รูป ขณะที่พระบรมศาสดา ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่นั้น ภิกษุชฎิล ทั้ง ๑,๐๐๓ รูป ส่งกระแสจิตไปตามวาระแห่งพระธรรมเทศนา จนสามารถหลุดพ้นจากกิเลสาสวะทั้งปวง สำเร็จป็นพระอรหันต์ขีณาสพด้วยกันทั้งหมด และพระภิกษุชฏิลทั้งหมดนั้นก็ได้เป็นกำลังสำคัญในการประกาศพระพุทธศาสนาที่เมืองราชคฤห์ เมืองหลวงแห่งแคว้นมคธ ทำให้แคว้นมคธเป็นฐานสำคัญที่ตั้งมั่นในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในเวลาต่อมา

อาทิตตปริยายสูตร เป็นพระสูตรที่มีเนื้อหาแสดงถึงความรุ่มร้อนของจิตใจ ด้วยอำนาจของกิเลส เปรียบได้กับความร้อนของไฟที่ลุกโพลงอยู่ ดังนั้นจึงได้ชื่อว่า อาทิตตปริยายสูตร แสดงให้เห็นว่าความร้อนที่แท้จริงคือความร้อนจากภายใน 

ตอนที่ ๕ (ความยาว ๑.๒๖ ชม.)



-----------------------------------------------------------

👉👉 ตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------





คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๔ ทรงโปรดพระยสกุลบุตร

🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

พระยสเถระ หรือ พระยสะ เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัคคะของพระพุทธเจ้า นับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก ๘๐ องค์สำคัญในพระพุทธศาสนาในสมัยต้นพุทธกาล

พระยสเถระ เป็นพระสงฆ์กลุ่มแรก ๆ ในพระพุทธศาสนา โดยท่านเป็นพระสงฆ์สาวกองค์ที่ ๖ ในพระพุทธศาสนา เมื่อท่านบวชแล้วได้เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการชักชวนสหายของท่านกว่า ๕๔ คนให้เข้ามาบวชช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนาในช่วงต้นพุทธกาล

ตอนที่ ๔ (ความยาว ๑.๓๐ ชม.)



-----------------------------------------------------------

👉👉 ตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------




วันเสาร์

คัมภีร์พุทธวงศ์ ตอนที่ ๓ ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร

🔅 ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก

ธัมมจักกัปปวัตนสูตรเป็นปฐมเทศนา เทศนากัณฑ์แรก ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลีปราศจากมลทิน ก็ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะ นับเป็นพระสงฆ์สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา วันนั้นเป็นวันเพ็ญกลางเดือนอาสาฬหะหรือเดือน ๘ เป็นวันที่พระรัตนตรัยครบบริบูรณ์ บังเกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรก คือมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครบบริบูรณ์

ธัมมจักกัปปวัตนสูตร มีเนื้อหาแสดงถึงการปฏิเสธส่วนที่สุดสองอย่าง และเสนอแนวทางดำเนินชีวิตโดยทางสายกลาง เพื่อบรรลุถึงอริยสัจ ๔ 

อนัตตลักขณสูตร
อนัตตลักขณสูตร คือพระสูตรที่แสดงลักษณะ คือ เครื่องกำหนดหมายว่าเป็นอนัตตา เป็นพระสูตรที่มีความสำคัญที่สุดพระสูตรหนึ่ง เนื่องจากหลังจากที่พระโคตมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระสูตรนี้แล้ว ได้บังเกิดพระอรหันต์ในพระบวรพุทธศาสนา ๕ องค์ รวมพระพุทธองค์เป็น ๖ องค์ ซึ่งพระสูตรนี้ มีใจความเกี่ยวกับ ความไม่ใช่ตัวตนของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ 

ตอนที่ ๓ (ความยาว ๑.๔๗ ชม.)


-----------------------------------------------------------

👉👉 ตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------


วันอังคาร

พุทธวงศ์ ๒๕ พระองค์

พุทธวงศ์ หมายถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงอุบัติขึ้นมาแล้วในโลก มีทั้งสิ้นจนถึงปัจจุบัน ๒๕ พระองค์

๑. ทีปังกรพุทธวงศ์
พระโพธิสัตว์พระนามว่าทีปังกรพระองค์นี้ ทรงบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ทรงบำเพ็ญบารมีมา ๑๖ อสงไขยกับอีกแสนกัป เมื่อพระองค์จะทรงสงเคราะห์มหาชนได้เสด็จจาริกไปบนภูเขานารทกูฏซึ่งมียักษ์ อยู่ทรงแสดงอานุภาพ และโปรดให้ยักษ์ตนนั้นพร้อมบริวาร ๑๐,๐๐๐ ตนให้ดำรงอยู่ในศีลธรรม

๒. โกณฑัญญพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โกณฑัญญะ เสด็จปฏิสนธิในตระกูลกษัตริย์แห่งนครรัมมวดี ทรงมีพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ครั้นทรงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วทรงยับยั้งอยู่ด้วยความสุขในผล สมาบัติ ณ โคนโพธิพฤกษ์ ๗ สัปดาห์ ทรงประกาศพระสัทธรรมให้รุ่งเรือง

๓. มังคลพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า มังคละ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามว่ามงคล เพราะพระองค์ประสูติด้วยมงคลสมบัติทุกอย่าง ครั้นเมื่อพระองค์ทรงยังเป็นพระโพธิสัตว์ ได้มอบลูกน้อย ๒ องค์แก่ยักษ์เพื่อเป็นทาน พระองค์ทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี พระศาสนาของพระองค์ดำรงอยู่ ๙๐,๐๐๐ ปีแล้วได้อันตรธานไป

๔. สุมนพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุมนะ เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งพระนครเมขละ ทรงมีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายส่องสว่างไสวไปทั่วหมื่นโลกธาติ ทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี และพระศาสนาของพระองค์ได้ดำรงอยู่ ๙๐,๐๐๐ ปีแล้วได้อันตรธานไป

๕. เรวตพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า เรวตะ เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งพระนครสุทัญญวดี ผู้ทรงมีพระยศใหญ่และมีพระปัญญามาก ผู้ทรงอนุเคราะห์เหล่าสรรพสัตว์ พระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายของพระองค์ไปได้ ๑ โยชน์โดยรอบ ทั้งกลางวันและกลางคืน ทรงมีพระชนมายุ ๖๐,๐๐๐ ปี

๖. โสภิตพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โสภิตะ เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งนครสุธรรม ทรงมีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ ทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี ทรงยังสัตว์ให้เผาผลาญกิเลสได้ดังเปลวไฟไหม้ ทรงยังฝนให้ตกทั่วแล้วทรงยังโลกพร้อมทั้งเทวโลกให้ชุ่มชื่นด้วยน้ำฝน คืออมฤตธรรมนั้น

๗. อโนมทัสสีพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งพระนครจันทวดีราชธานี ทรงมีพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี พระองค์ทรงประกาศพระสัทธรรมให้รุ่งเรือง ทรงยังสัตว์ที่มีอุปนิสัยแก่กล้าให้ได้ตรัสรู้ธรรม ทรงพร่ำสอนชนเหล่าอื่นที่เหลือให้พ้นทุกข์

๘. ปทุมพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมะ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานนามว่าปทุมะเพราะในขณะที่พระองค์ประสูติจากพระครรภ์ บังเกิดฝนดอกปทุมตกจากอากาศลงมาในมหาสมุทรทั่วทั้งชมพูทวีป พระปทุมสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่ ทรงมีพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี

๙. นารทพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า นารทะ เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริยืแห่งนครธัญญวดี พระองค์ทรงปราบพยศของพญานาคชื่อโทณะ เนรมิตมณฑปสำเร็จด้วยรัตนะ ๗ ประการขึ้นในแม่น้ำคงคา ทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี

๑๐. ปทุมุตตรพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งนครหังสวดี พระองค์ทรงยังมหาชนผู้เร่าร้อนด้วยความเร่าร้อนในนรกให้สงบร่มเย็นด้วยน้ำ อมฤตธรรม ทรงมีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายสว่างไสวไปได้ ๑๒ โยชน์ โดยรอบ ทรงมีพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี พระศาสนาของพระองค์ดำรงอยู่ ๑๐๐,๐๐๐ ปีแล้วได้อันตรธานไป

๑๑. สุเมธพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธ เจ้าพระนามว่า สุเมธะ เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งนครสุทัศน์ เมื่อครั้งพระองค์เสด็จไปโปรดยักษ์ที่ดุร้ายซึ่งมีฤทธิ์อานุภาพมากที่อาศัย อยู่ในป่าดงใหญ่แห่งหนึ่ง พระองค์ทรงยังธรรมจักษุให้เกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลาย ทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี

๑๒. สุชาตพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุชาตะ เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งนครสุมงคล พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานนามว่าสุชาตะ เพราะเมื่อพระองค์ประสูติจากรพระครรภ์ก็ยังความสุขให้เกิดแก่สัตว์ทั้งหลายไปทั่วชมพูทวีป ทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี พระศาสนาของพระองค์ดำรงอยู่ ๙๐,๐๐๐ ปีแล้วได้อันตรธานไป

๑๓. ปิยทัสสีพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปิยทัสสี เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งนครธัญญวดี พระองค์ไปแสดงธรรมโปรดท้าวสุทัสสนเทวราชผู้เป็นจอมเทพซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิจน เกิดความเลื่อนใสศรัทธาแล้วตั้งอยู่ในสัมมาทิฏฐิ ทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี พระศาสนาของพระองค์ดำรงอยู่ ๙๐,๐๐๐ ปีแล้วได้อันตรธานไป

๑๔. อัตถทัสสีพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อัตถทัสสี เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งนครโสภณ พระองค์เสด็จไปแสดงธรรมโปรดพวกมนุษย์และเทพยดาในดิถีวันเพ็ญเดือนมาฆมาส ทรงมีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายไปได้ ๑ โยชน์โดยรอบทุกเวลา ทรงมีพระชมมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี

๑๕. ธัมมทัสสีพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ธัมมทัสสี เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งนครสรณะ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามว่าธัมมทัสสี เพราะเมื่อพระองค์ทรงประสูติ การว่ากล่าวกันโดยไม่ชอบธรรมในเรื่องการตัดสินคดีต่าง ๆ ก็เสื่อมหายไปเอง คงมีแต่การกล่าวกันโดยชอบธรรมเท่านั้น ทรงมีพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี

๑๖. สิทธัตถพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ พระองค์เสด็จไปแสดงธรรมโปรด ๒ พี่น้องคือ พระเจ้าสมพลและพระเจ้าสุมัตตี ผู้ครองนครอมร จนมีจิตศรัทธาเลื่อมใสแล้วออกผนวชตามพระองค์ ทรงงดงามดังรูปปฏิมาทองอันล้ำค่า ทรงมีพระรัศมีสว่างไสวไปในหมื่นโลกธาตุ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี

๑๗. ติสสพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ติสสะ พระองค์เสด็จไปในมหามงคลสมาคมเพื่อตรัสมงคลปัญหาโปรดเวไนยสัตว์ผู้มาทูลถาม มงคลปัญหาให้หลุดพ้นจากกิเลสเป็นเครื่องผูกมัด ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ ทรงปรากฏดังขุนเขาหิมวันตี

๑๘. ปุสสพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปุสสะ พระองค์เสด็จไปยังพระนครพาราณสีเพื่อแสดงธรรมโปรดพระเจ้าสิริวัฒน์ผู้ทรงละกองโภคสมบัติแล้วออกบวชเป็นปฎิลดาบสพร้อมด้วยบริวาร จนมีจิตศรัทธาเลื่อมใสออกบวชพระองค์ทรงสง่างามดังพระอาทิตย์อุทัยแสง และเหมือนพระจันทร์เต็มดวงในวันเพ็ญที่ปราศจากเมฆหมอกทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี

๑๙. วิปัสสีพุทธวงศ์
พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานนามว่า วิปัสสี เพราะแลเห็นพระองค์ทรงเป็นผู้หมดจดจากความมืดที่เกิดจากการกะพริบตาใน ระหว่างกลางวันและกลางคืนได้ด้วยตาเปล่า ทรงมีพระรัศมีงามเปล่งปลั่งแผ่ซ่านอกจากพระวรกายของพระองค์ไปได้ถึง ๗ โยชน์ ทรงมีพระชนมายุ ๘๐,๐๐๐ ปี

๒๐. สิขีพุทธวงศ์
พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามว่า สิขี เพราะพระยอดกรอบพระพักตร์ของพระองค์พุ่งขึ้นสูงดุจยอดพระอุณหิส (มงกุฎ) ทรงมีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายของพระองค์งามเปล่งปลั่งดังทองคำล้ำค่าสว่างไสวไปได้ ๓ โยชน์โดยรอบทั้งกลางวันและกลางคืน ทรงมีพระชนมายุ ๗๐,๐๐๐ ปี

๒๑. เวสสภูพุทธวงศ์
พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานนาม พระนามว่า เวสสภู เพราะพระองค์ทรงร้องเสียงดังเหมือนเสียงร้องของวัวตัวผู้ในขณะที่ประสูติ ทรงมีพระชนมายุ ๖๐,๐๐๐ ปี พระองค์ทรงวางมหาชนไว้บนธรรมนาวาทรงสร้างสะพานพระสัทธรรมไว้อย่างมั่นคงสำหรับให้ชนที่เหลือเดินตามกระแสการ เวีนว่ายตายเกิดแล้วเสด็จดับขันธปรินิพพาน

๒๒. กกุสันธพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากกุสันธะเสด็จไปแสดงธรรมโปรดพระเทพยักษ์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่เทวาลัยแห่งหนึ่งใกล้เขมวดีนครทรงมีพระรัศมีสีทองแผ่ซ่านออกจากพระวรกายของพระองค์สว่างไสวไปได้ ๑๐ โยชน์โดยรอบ ทรงมีพระชนมายุ ๔๐,๐๐๐ ปี

๒๓. โกนาคมนพุทธวงศ์
พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานนามของพระองค์ว่า โกนาคมน์ เพราะในขณะที่พระองค์ประสูติ ฝนทองได้ตกลงมาทั่วทั้งชมพูทวีป พระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดภิยโยสราชกุมารและอุดรราชกุมาร พร้อมด้วยบริวารทรงมีพระชนมายุ ๓๐,๐๐๐ ปี

๒๔. กัสสปพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ เสด็จอุบัติในตระกูลพราหมณ์แห่งพระนครพาราณสี ทรงมีรัศมีแผ่ซ่านอกจากพระวรกายสว่างไสวเหมือนกับพระจันทร์ทรงกลด ทรงมีพระชนมายุ ๒๐,๐๐๐ ปี ทรงสร้างสระธรรมประธานศีลเป็นเครื่องลูบไล้ ทรงประธานพระสัทธรรมเป็นเศวตฉัตรไว้ป้องกันบาป


๒๕. โคตมพุทธวงศ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่งกบิลพัสดุ์นคร พระองค์ทรงแสดงราหุโลวาทสูตรโปรดพระราหุลผู้เป็นพระโอรสของพระองค์ มีการประชุมพระสงฆ์สาวกขีณาสพ (ผู้ปราศจากมลทิน) ๑,๒๕๐ รูป โดยผู้ที่บวชด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทามาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย และทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่ท่านเหล่านั้นในวันเพ็ญเดือนมาฆมาส ทรงมีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายของพระองค์สว่างไสวไปได้โดยรอบด้านละ ๑ วา ทรงมีพระชนมายุ ๘๐ ปี